เสียง : พากย์ไทย

6.6/10

ดูซีรี่ย์ Arrow Season 2 แอร์โรว์ โคตรคนธนูมหากาฬ ปี 2

หลังจากมหาเศษฐีเพลย์บอย Oliver Queen และพ่อของเขารวมทั้งแฟนสาวได้ประสบเหตุเรือล่ม ทุกๆคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี มีชาวประมงได้ไปพบเขาที่เกาะร้างแห่งนึง ทำให้ Olive ได้กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง แต่ตลอดเวลา 5 ปีนั้น มีบางสิ่งทำให้เขาเปลี่ยนไป เขามีความสามารถในยิงธนูได้อย่างแม่นยำ   มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และเขามี  ดูหนังออนไลน์ 2020   รายชื่อคนจำนวนหนึ่ง  ที่เขาต้องคิดบัญชีด้วย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Arrow

Arrow ปี 2 ยังจัดว่าสนุกทีเดียวครับ แม้บางจังหวะของปีความน่าติดตามอาจลดลงไปบ้างก็ตาม (ขอเล่าแบบขำๆ แล้วกันนะครับ ไม่ต้องจริงจังมาก ^_^)
ปีนี้โอลิเวอร์ ควีน (Stephen Amell) ยังคงสวมฮู้ดไล่ปราบเหล่าร้ายเช่นเดิม เพียงแต่พี่แกมีหลักการจรรยามากขึ้นครับ นั่นคือพยายามไม่ฆ่าแบบที่เขาทำประจำเมื่อปีก่อน แต่จะแค่จับและปราบปรามเท่านั้น ซึ่งก็พอเข้าใจครับว่ามันคือวิถีสู่การเป็นฮีโร่ที่จะไม่ฆ่าคนมั่วซั่วแบบพวกคลั่งแค้นอย่างปีแรก

กระนั้นก็ยอมรับว่าขัดใจในบางวาระ เพราะตัวร้ายนั้นมันมีทั้งที่ควรปล่อยและไม่ควรปล่อยครับ คือพวกที่คลั่งเป็นพักๆ หรือหลงผิดด้วยความจำเป็นนี่ยังพอทำเนา คือยังพอเข้าใจหากจะให้โอกาสกลับตัวกลับใจ
แต่ไอ้พวกที่มีแผนใหญ่ๆ ฆ่าคนได้ทีละครึ่งเมืองแบบไม่ยอมสำนึกนี่ พี่จะเก็บไว้ให้ชาวเมืองรับความเสี่ยงทำม้ายยยย (555)

ประเด็นคือไอ้ตัวร้ายน่ะมันไม่ฆ่าพี่โอลิเวอร์ก่อนหรอกครับ มันจะอ้อมฆ่าคนโน้นบ้างคนนี้บ้างเพื่อทำให้พี่โอลิเวอร์โกรธหรือทำลายสิ่งที่พี่รัก คือพี่ยังอยู่จนถึงจบซีซั่นแน่ๆ แต่พวกชาวเมืองเดินดินที่ไม่มีธนูและไม่ได้ใกล้ชิดพี่น่ะตายกันเป็นเบือเลยนะครับ และไอ้พวกผู้ร้ายระดับนี้ แผนมันเล็กที่ไหนล่ะ คือถ้าแผนมันแค่เอาระเบิดตดไปวางตามจุดต่างๆ ให้ชาวเมืองเหม็นเล่นๆ มันก็ไม่เป็นไรอ้ะ แต่นี่ตึกถล่ม ถนนแยก คนตาย บ้านแตก ฯลฯ

ถ้าผมเป็นชาวเมืองนี่เครียดเลยนะครับ (5555) คือไม่รู้ว่าตูหรือพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องตูจะตายเพราะไอ้ตัวร้ายที่พี่แอร์โรว์แกไปก่อความแค้นไว้เมื่อไร
ถ้างวดหน้าพี่รู้เมื่อไรว่าตัวร้ายใหญ่ๆ โผล่มา ไม่ต้องรอมันเดินแผนถล่มเมืองหรอกครับ เจอหน้าปุ๊บนัดมันไปต่อยหลังเลิกเรียนเลย เอาให้จบเร็วๆ

อันนั้นก็พล่ามขำๆ น่ะนะครับ (แต่คิดจริง) เอาเป็นว่าซีรี่ส์ปีนี้มันก็ดูเพลินล่ะครับ จุดดีคือดาราที่แน่นมากๆ Amell ลงล็อกสุดๆ ในทโอลิเวอร์, David Ramsey ก็เท่ห์ดีกับบทดิ๊กเกิ้ล แต่คนที่ผมชอบสุดๆ ยกให้ Emily Bett Rickards เจ้าของบทเฟลิซิตี้ ผมว่าเธอสวยน่ารักมากๆ นะครับ แล้วยังฉลาดแถมฮาอีก เป็นตัวละครหญิงที่เด่นเกินหน้าชาวบ้านจริงๆ

ปีนี้เรายังได้เจอกับแบร์รี่ อัลเลน (Grant Gustin) หรือว่าที่เดอะ แฟลชมารับเชิญด้วย ถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่เลวครับ และอีกคนที่เล่นเป็นบอสใหญ่ประจำปี ขานี้ก็แสดงดีเช่นเดิม (เขาเป็นใคร? ขออุบให้ไปดูกันต่อเองนะครับ)

ด้านเนื้อเรื่องมันก็สนุกครับ แต่อาจมีช่วงกลางๆ ที่จังหวะความน่าติดตามดรอปลงไปบ้าง เพราะเรื่องไม่ค่อยเดินไปไหน และปัญหาหลายอย่างมันเกิดซ้ำซ้อนเพราะการไม่จัดการคนที่สมควรจัดการนี่แหละ (ผมชอบประโยคที่ตัวละครหนึ่งพูดนะครับว่า “เพราะไม่ทำในสิ่งที่ควรทำนี่แหละ เมืองถึงได้พินาศขนาดนี้” ซึ่งหมายถึงไอ้ตัวร้ายที่ควรปราบกลับไม่ปราบ ปล่อยจนแผนมันบานเบอะถล่มเมืองนั่นเอง)

แต่อย่างน้อยช่วงต้นๆ ของปีกับช่วงท้ายก็น่าติดตามแบบนันสต็อปครับ ทำให้ยังสนุกเพลิดเพลินกับปีนี้อยู่ (ยอมรับว่าสนุกกับหลายลูกเล่น เช่น การมาของตัวร้ายในหนังสือการ์ตูนของฮีโร่ตัวอื่นๆ หรือ Suicide Squad ก็มีแพลมๆ ให้เห็นในปีนี้ด้วย)

คิดในแง่หนึ่งปีนี้เหมือนจะแสดงให้เราเห็นถึงความสุดโต่งอีกมุมหนึ่งน่ะครับ ปีแรกฆ่าผู้ร้ายอย่างเดียวก็โหดไป มาปีนี้ก็ปล่อยผู้ร้ายอย่างเดียวจนเกิดเรื่องใหญ่ เหมือนจะบอกให้เรารู้ว่า มันต้องมีทางสายกลางของมัน คือใครควรปล่อยก็ปล่อย แต่ใครไม่ควรก็อย่าประมาท ซึ่งก็คาดว่าปีต่อไปทิศทางการตัดสินใจของโอลิเวอร์น่าจะลงตัวมากขึ้น

Arrow (โคตรคนธนูมหากาฬ) 1 ในตัวการ์ตูนเกรดรองของค่าย DC Comics ที่สร้างโดย Mort Weisinger และ George Papp ซึ่งในรูปแบบของคนแสดงนั้นตัวละคร Oliver Queen หรือ Arrow นั้น เคยปรากฎตัวครั้งแรกในซีรีส์เรื่อง SmallVille และก็ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

หลังจากที่ SmallVille จบลงใน Season ที่ 10 ทาง Greg Berlanti, Marc Guggenheim และ Andrew Kreisberg ก็ได้ร่วมกันพัฒนาโปรเจค Arrow ขึ่นมาให้กับทางช่อง the CW ต่อทันที

โดยเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2012 และก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากผู้ชม ด้วยโทนเรื่องที่หม่นๆ พร้อมกับดราม่าหนักๆ และแอ็คชั่นสุดมันส์ ซึ่งให้อารมรณ์ที่ใกล้เคียงกับภาพยนตร์ชุด Batman: The Dark Knight เวอร์ชั่น Christopher Nolan

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวกล่าวถึง Oliver Queen (นำแสดงโดย Stephen Amell) ทายาทของตระกูล Queen ที่มีบทบาทในแวดวงธุรกิจของเมือง Starling City และด้วยความที่เป็นลูกชายของมหาเศรษฐี โอลิเวอร์ จึงค่อนข้างที่จะมีนิสัยเพลย์บอย และไม่สนใจการงาน ทำตัวเสเพลไปวันๆ

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ล่องเรือสำราญออกท่องเที่ยวไปพร้อมกับ Robert Queen พ่อของเขา (รับบทโดย Jamey Sheridan) และ Sara Lance กิ๊กสาว (รับบทโดย Caity Lotz) ในระหว่างการเดินทาง เรือเกิดล่ม ทำให้เขาต้องไปติดเกาะร้างเกาะหนึ่งอยู่นานถึง 5 ปี

ชีวิตบนเกาะร้างนั้น ไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างชีวิตที่ผ่านมาของเขา ทำให้เขาต้องเรียนรู้อย่างหนักเพื่อจะให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไป อีกทั้ง บนเกาะร้างที่เขาติดอยู่นั้น มีความลับดำมืดอะไรหลายๆ อย่างที่แอบซ่อนอยู่ โอลิเวอร์ ต้องผ่านบททดสอบต่างๆ เพื่อความแข็งแรง ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาหนทางกลับคืนสู่เมือง Starling City

5 ปีที่ผ่านไป หลังจากที่เขาได้กลับสู่เมือง สตาร์ลิ่งซิตี้ แล้ว เขาก็ได้พบว่าอะไรๆ หลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น Moira Queen แม่ของเขา (รับบทโดย Susanna Thompson) ที่ดูเหมือนจะเก็บซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้, Thea Queen น้องสาวของเขา (รับบทโดย Willa Holland) ที่กลายเป็นคนติดยา รวมถึง Laurel Lance แฟนสาวของเขา (รับบทโดย Katie Cassidy Rodgers) ที่กลายเป็นคนรักของ Tommy Merlyn (รับบทโดย Colin Donnell) เพื่อนสนิทของเขา

เขาได้เริ่มทำการตั้งตนเป็นศาลเตี้ย คอยกวาดล้างอชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในเมืงอ สตาร์ลิ่งซิตี้ โดยมี John Diggle (รับบทโดย David Ramsey) และ Felicity Smoak (รับบทโดย Emily Bett Rickards) ในขณะออกปฏิบัติการ

อะไรที่รอคอยเขาอยู่บนเกาะร้าง, เขาจะสามารถหลุดพ้นออกมาจากเกาะได้อย่างไร, แล้วทำไม เขาจึงกลายเป็น Green Arrow ศาลเตี้ยที่คอยพิทักษ์เมือง สตาร์ลิ่ง ซิตี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องคอยติดตามชมกัน

ความรู้สึกหลังจากดูจบ
ในช่วง Season แรกๆ จะเป็นเหมือนการปูพรมเรื่องราวจากจุดเริ่มต้นของ โอลิเวอร์ ควีน ก่อนที่จะเรียนรู้การเป็น กรีนแอร์โรว์ รวมถึงแนะนำตัวละครต่างๆ ที่มีบทบาทต่อชีวิตของเขา ซึ่งลักษณะเด่นของซีรีส์ชุดนี้ อยู่ที่การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ โดยจะใช้ลักษณะการเล่าเรื่องสลับกันไป (Flashback) ระหว่างช่วงเหตุการณ์ปัจจุบันกับช่วงเหตุการณ์ก่อนที่ โอลิเวอร์ ควีน จะกลับมาที่ สตาร์ลิ่ง ซิตี้

ตลอดซีรีส์ชุดนี้ เราจะได้เห็นตัวละครจากในคอมิกส์หลายๆ ตัว มาโลดแล่นอยู่ในจอมากมายหลายตัวเลย เช่น Spartan, Mister Terrific, Wild Dog, Arsenal, Black Canary, Speedy, Dark Archer, Ra’s Al Ghul, Nyssa Al Ghul, Talia Al Ghul, Deathstroke, Deadshot และ Prometheus เป็นต้น

ซีรีส์ชุดนี้ มีความเข้มข้น, ดราม่าจัดเต็ม และแอ็คชั่นแบบจัดหนักมาก ดูสนุกและลุ้นระทึกตลอดทั้งซีซั่น แต่น่าเสียดายที่เริ่มมาแผ่วและอืดๆ ลงในช่วง Season 4-5 จึงทำให้เรทติ้งที่ดีๆ กลับค่อยๆ ตกลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งกว่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้นก็ในช่วง Season 6 แล้ว

โดยส่วนตัว จะชอบฉากแอ็คชั่นของเรื่องนี้มาก เพราะค่อนข้างมีความ “Real” มากๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักแสดงอย่างชัดเจน ทุกคนเล่นฉากแอ็คชั่นได้ดีมาก ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย

และด้วยความสำเร็จนี้ ทีมงานสร้างจึงได้มีการวางแผนที่จะเปิดจักรวาลนี้สำหรับฮีโร่ตัวอื่นๆ ตามมา โดยเริ่มจากการเปิดตัว Barry Allen (รับบทโดย Grant Gustin) ในช่วงที่ยังเป็นแค่เจ้าหน้าที่หน่วยนิติวิทยาธรรมดาๆ เท่านั้น (ก่อนที่จะกลายเป็น the Flash) โดย แบร์รี่ ได้มาปรากฎตัวในช่วงซีซั่น 2 ตอนที่ 8-9

และนี่ก็ถือว่าเป็นการสร้างจักรวาลของตัวละครจากฝั่ง DC Comics อย่างเต็มรูปแบบ ก่อนที่จะพา ดูหนัง 2021 ตัวละครอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแก้งค์ Legends of Tomorrow, Supergirl ตามมาอีกมากมายในภายหลัง หรือแม้แต่ Constantine เองก็มาด้วยเหมือนกัน ในชื่อที่เรียกกันว่า ArrowVerse และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของการ Crossover กับฮีโร่ตัวอื่นของช่อง the CW